ต้องอ่าน เด็กไทยอยากต่อวีซ่านักเรียน/ทำงานต้องระวัง

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ พี่น้องนักเรียนเรามีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการขอต่อวีซ่านักเรียนและวีซ่าทำงานในประเทศแคนาดาให้ฟัง
สองปีที่แล้ว เรามาแคนาดากับโปรแกรมเรียนและทำงานกับโรงเรียนแห่งหนึ่ง เอเจ่นซี่ที่ไทยช่วยติดต่อจัดการให้ โรงเรียนอยู่ที่แวนคูเวอร์ ค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จก็ประมาณเจ็ดพันกว่าๆ เหรียญแคนาดา หลังจากเรียนหกเดือนและทำงานหกเดือนแล้ววีซ่าก็จะหมดอายุ เป็นธรรมดาที่เด็กนักเรียนทุกคนอยากอยู่ต่อ อยู่นี่อากาศดี สนุกสนาน มีเพื่อนเยอะ ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ แต่จะให้ลงทะเบียนเรียนใหม่ก็จะเสียเงินมิใช่น้อย กว่าจะได้ทำงานเก็บเงินก็ต้องรอเรียนจบ เคยได้ยินเพื่อนๆ คนไทยเล่าว่ามีบริษัทเกาหลีให้บริการต่อวีซ่าโดยแค่ไปเรียนช่วงสั้นๆ หรือไม่ต้องไปเรียนก็ได้ แต่จะได้รับวีซ่านักเรียนพร้อมวีซ่าทำงานเป็นเวลาหนึ่งปี เราสนใจมาก
ก่อนที่วีซ่าเราจะหมดอายุ เราย้ายไปอยู่ต่างเมืองเพราะมีเพื่อนอยู่ที่นั่น แล้ววันนึงก็ตัดสินใจสอบถามเพื่อนที่เพิ่งสมัครกับบริษัทเกาหลีแห่งนี้ว่าทำแล้วได้จริงเหรอ เพื่อนบอกว่าเพิ่งสมัครไปกำลังรอผลอยู่ คนอื่นๆ ที่ทำเค้าก็ได้กันนะ เราชั่งใจอยู่นานแต่นี่คงเป็นคนหนทางที่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้แหละจึงเขียนอีเมล์หานายเจสัน คิม บริษัทเกาหลีในนาม เมโทร แคนาดา
ตำแหน่งของนายเจสัน คิมนี่เป็นถึงประธานบริษัทเลยนะ เราเขียนไปบอกว่าเราอยู่ต่างเมืองนะจะช่วยสมัครเข้าโรงเรียนแล้วให้วีซ่าทำงานได้มั้ย เค้ารีบตอบกลับว่าได้และบอกว่าต้องการเอกสารอะไรบ้าง และแจ้งราคาค่าบริการพร้อมทั้งค่าโรงเรียนทั้งหมด เค้าคิดเราพันแปดร้อยเหรียญ เราขอหนังสือรับรองที่ระบุว่าถ้าไม่ได้วีซ่าเค้าต้องคืนเงิน เจสันก็อีเมล์มาให้ เงินที่จะคืนให้เป็นจำนวณเกือบพันห้าร้อยหลังจากหักว่าสมัคร
ก่อนที่จะโอนเงิน เรากับเจสันได้คุยกันทั้งทางโทรศัพท์และอีเมล์อยู่หลายครั้ง เราถามว่าที่ทำนี่มันถูกกฏหมายใช่มั้ย เค้าตอบถูกแน่นอน เค้ารีบเร่งรัดให้โอนเงินอ้างว่าต้องรีบสมัครนะเดี่ยวทางรัฐบาลจะมีการเปลี่ยนแปลงกฏภายในเดือนมิถุนายนนี้ เราขอหนังสือรับรองจากทางโรงเรียน เค้าว่าต้องโอนเงินก่อนถึงจะส่งให้ได้ หลังจากตัดสินใจโอนเงิน พฤติกรรมของเจสัน คิม ก็เริ่มเปลี่ยนไป
เราพยายามอีเมล์ไปถามว่าได้รับเงินหรือยังสองรอบก็ไม่ตอบ โทรไปสองสามรอบจึงรับ จากที่ก่อนหน้าจะโอนเงินนี่ตอบอีเมล์ทันควัน รับโทรศัพท์ทันใด เราเริ่มใจไม่ดี มันจะหลอกเรามั้ยวะ เราคิดในใจ เราก็อีเมล์ขอหนังสือรับรองจากทางโรงเรียนเพราะโอนเงินแล้วนี่ เราอีเมล์ติดตามตลอดแต่เค้าไม่ตอบ โทรศัพท์ก็ไม่รับ กว่าจะรับสายได้เราโทรหลายครั้งมาก ต้องขอเพื่อนๆ ที่แวนคูเวอร์ให้โทรหาเค้าบอกให้เค้าโทรกลับหรือรับสายเรา พอได้คุยกันเจสันพยายามบ่ายเบี่ยงโน่นนี่ไม่ยอมให้เอกสารใดๆ เราขอทั้งหนังสือรับรองจากทางโรงเรียนและสำเนาใบสมัครหรืออย่างน้อยก็ใบเสร็จโอนเงิน เค้าบอกสมัครไปแล้วให้รออย่างเดียว ไมต้องห่วง อีกเดือนนึงได้
ระหว่างนี้มีเพื่อนหลายคนที่สมัครกับเค้า บางคนก็ได้ภายในเดือนเดียวจริงๆ แต่บางคนก็รอมากว่าสี่ห้าเดือนแล้วก็ยังไม่ได้ บางคนรอนานจนรอไม่ไหวบินกลับไทยไปแล้ว คนหลังนี้ขออเงินคืนแต่เจสันไม่ให้ เพื่อนทำอะไรไม่ได้เพราะตัวอยู่ไกลจะจัดการอะไรก็ลำบาก เรื่องนี้เรามารู้ทีหลัง ใจแป๊ว ดวงชั้นจะเป็นยังไงนี่
เวลาผ่านไปจนถึงกว่าสามเดือน รอนานมาก เราโทรไป immigration เป็นระบบอัตโนมัติซึ่งสามารถบอกได้ว่าเค้าได้รับใบสมัครหรือยัง ได้ความว่าเค้ายังไม่ได้รับเอกสารใดๆ ที่สมัครตอนเดือนเมษา อ่ะมันยังไง เราโทรยิกเลยคราวนี้ เจสันมาบอกอีกทีว่าไม่รู้เหมือนกันทำไมไม่ได้รับ เดี่ยวเค้าสมัครอีกรอบคราวนี้แบบออนไลน์ เราก็ทำอะไรไม่ได้ต้องยอมๆ ตามนั้น
รอบนี้โทรไปเช็ค โอเคทาง immigration ได้รับแล้ว ช่วงหลายเดือนนี้มีการประท้วงของคนที่ทำงานใน cic (pafso) ยิ่งทำให้เวลาการตรวจสอบเอกสารล่าช้าไปใหญ่ เรารออย่างใจจดใจจ่อ เช็คเว็บไซด์ของ cic ทุกวันว่าเค้าตรวจเอกสารถึงไหนแล้ว
ช่วงปลายเดือนสิงหาจดหมายผลการพิจาณาน่าจะส่งมาถึงเจสันแล้ว โทรถามก็ว่ายังไม่ได้เช็ค เดี่ยวดูให้ เรากังวลใจมาตลอดว่าคนๆนี้ดูไม่มีความรับผิดชอบเลย ผลัดวันประกันพรุ่ง เราจะได้ผลการพิจารณาเมื่อไหร่นี่
ล่วงมาถึงกลางเดือนกันยา เจสัน คิมอีเมล์มาพร้อมจดหมายสองสามฉบับจาก cic เราอ่านแล้วแทบช็อค ทาง cic ส่งจดหมายเตือนฉบับแรกมาว่าได้รับใบสมัครช้าต้อง restore status โดยจ่ายเงินเพิ่มอีกสองร้อยแล้วให้ส่งใบเสร็จไป ฉบับที่สองแจ้งว่าเราไม่ได้ดำเนินการใดๆ (ตามที่จดหมายฉบับแรกเตือน) เพราะฉะนั้นใบสมัครขอวีซ่านักเรียนวีซ่าทำงานโดนปฏิเสธพร้อมแจ้งว่าเราไม่มีสถานะใดๆ ในขณะนี้ ต้องรีบออกจากประเทศให้เร็วที่สุด….
นายเจสัน คิม ทำเป็นตีมึน “ผมงงจริงๆ มันเป็นไปได้ไง เดี่ยวผมจะคุยกับ immigration consultant พรุ่งนี้เลย” รุ่งขึ้นเค้าว่าไปคุยแล้วขอเอกสารโน่นนี่เพิ่ม เรารีบส่งให้โดนด่วน หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป เราได้คุยกับเดวิน ซึ่งเป็น immigration consultant เพื่อสอบถามว่าเรื่องไปถึงไหน ส่งจดหมายไปอธิบายหรือทำอะไรไปหรือยัง ปรากฏว่าเดวินไม่รู้เรื่องทั้งหมดว่าเราได้รับคำสั่งให้รีบออกจากประเทศแล้ว เจสัน คิมไม่รู้ไปคุยยังไง อ้างว่าส่งอีเมล์ไปให้เดวินไม่หมด ในใจเรานะ “ไอ้เ-ย นี่มึงเดือดร้อนกับเรื่องที่มึงทำให้กูเสียงสถานะบ้างมั้ยเนี่ย ทำงานลวกๆ อีกแล้ว” เจสันแก้ตัวโดยบอกว่าไม่ต้องห่วงยังมีเวลาต่อสถานะได้ เชื่อได้เหรอ??
ไม่ไหวแล้ว เราไว้ใจนายคนนี้ไม่ได้แล้ว เรารีบไปปรึกษาทนาย คนนี้มีประสบการณ์จริงน่าไว้ใจ เค้าให้คำตอบว่าเราต่อสถานะอะไรในประเทศไม่ได้แล้ว เพราะไม่ได้เรียนต่อเนื่อง จบกันชั้นต้องกลับบ้านจริงๆ หรือนี่
พอโทรไปเม้งเจสันก็เหมือนเดิม บ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับว่าตัวเองทำผิดพลาด อ้างว่ายังแก้ไขได้แต่น้ำเสียงมันคือไม่มั่นใจแล้ว พอเราเอ่ยปากถ้าขอเงินคืนล่ะ เท่านั้นแหละเจสันหูพึ่งรีบข้อเสนอทันที เพราะอยากจะพ้นผิดไม่ต้องรับภาระเรื่องของเราแล้ว เรายืนยันจะเอาคืนพันแปดร้อยเหรียญไม่ใช่แค่พันห้าร้อย เค้ากลัวมีเรื่องยาวเลยรีบตกลง แต่ยังไม่วายอีเมล์ว่าเลื่อนเวลาโอนเงินจากที่ตกลงกันแล้วแต่แรก
เรื่องจากประสบการณ์จริงจากคนที่ชอบแคนาดาอยากอยู่ต่อ แต่เลือกไว้ใจคนผิดทำให้แผนที่วางไว้ผิดพลาด นักเรียนคนไหนอยากจะอยู่ต่อคิดให้ดีๆ เลือกทาง เลือกคนให้ดีๆ จะได้ไม่ช้ำใจอย่างเรา

ขอบคุณที่มาเตือนคนอื่นๆครับ